วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

The Real Banking Crisis

บทความแปล ต้นฉบับบจาก  http://www.zerohedge...ch-higher-resul
 

หากพอเข้าใจภาษาอังกฤษ แนะนำให้อ่านกันต้นฉบับครับ
เห็นภาพเลยว่าปัญหา Banking Sector ที่กำลังเกิดและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจะส่งผลอย่างไรต่อไป

รูปนี้มาจากบทความครับ เขาแสดงให้เห็นว่า มีความกังวลของ ECB เรื่องความมั่นใจของนักลงทุน/ ผู้ฝากเงิน กันธนาคาร ที่จะทำการฝากเงินกับธนาคารในยุโรปต่อไปหรือไม่

โพสต์รูปภาพ

และ มีแนวโน้มจะถอนเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะทองหรือโลหะเงิน หรือไม่

ผู้ฝากเงินในยุโรป กำลังต้องชั่งใจว่าจะฝากเงินกับสถาบันการเงินต่อไป หรือจะถอนเงินไปฝาก/ลงทุน/ซื้อสินทรัพย์ อื่นๆ ที่เสี่ยงน้อยกว่า
ECB ถึงตอนนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ แต่ดูแล้วสถานการณ์กำลังลำบากไปเรื่อยๆ เพราะผู้ฝากเงินกับธนาคารต่างๆ ในยุโรปได้ถอนเงินออกจากบัญชีมากขึ้นเรื่อย
ทำให้สถานการณ์ดูไม่สู้ดีนัก

ธนาคารกลางและรัฐบาลทุกแห่ง จะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันเหตุการณ์การตื่นถอนเงินจากธนาคาร เพราะเพื่อคืนเงินฝากให้ลูกค้า ทำให้ธนาคารอาจต้องขายสินทรัพย์ เงินลงทุน ฯลฯ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ามูลค่า สินทรัพย์ เงินลงทุน ฯลฯ ที่ถูกบันทึกในบัญชี มีการบันทึกค่าสูงกว่าความเป็นจริงมาก (และนำปัญหาอื่นๆ ตามมา)


ตัวอย่างเช่นวิกฤตการเงินที่ ไอซ์แลนด์ ในปี 2008 ประชาชนแห่ถอนเงินจากธนาคาร Landbanki ซึ่งเป็นธนาคารสัญชาติอังกฤษ
ธนาคารจึงปิดการทำธุรกรรม online ทั้งหมดทำให้ลูกค้าชาวอังกฤษในธนาคารนั้นกว่า 300000 บัญชีไม่สามารถถอนเงินได้
รัฐบาลอังกฤษเลยอายัดทรัพย์ของธนาคาร Landbanki ในอังกฤษเป็นการตอบโต้
ในปี 2008 เงินโครนาของไอซ์แลนด์ เสื่อมค่ากว่า 58% หากเลือกได้คุณคงไม่อยากถือบัญชีเงินฝากสกุลโครน่าแน่ๆ



ไอร์แลนด์ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ครั้งแรกต้นปี 2009 และครั้งต่อมาปลายปี 2010
และในเดือน พ.ค. 2011 ที่ผ่านมาประชาชนถอนเงินจากระบบเงินฝากไปกว่า 9%
เพราะเหตุการณ์นี้ ECB ต้องช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ระบบธนาคารของไอร์แลนด์ไปแล้วกว่า 103 พันล้านยูโร
นอกจากนี้ธนาคารกลางไอร์แลนด์ก็ช่วยเหลือสภาพคล่องอีก 55.7 พันล้านยูโร
ซึ่งยังไม่พอต่อความต้องการของระบบธนาคาร ที่ต้องการเงินเสริมสภาพคล่องอีกกว่า 24 พันล้านยูโร

กรีซก็เช่นเดียวกัน
เม็ดเงินหายไปจากระบบเงินฝากธนาคารของกรีซไปแล้วกว่า 8% ในปีนี้ ซึ่งอัตราเร่งในการถอนเงินเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. และ มิ.ย.
เช่นเดียวกับไอร์แลนด์ ECB ต้องช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ระบบธนาคารของกรีซไปแล้วกว่า 100 พันล้านยูโรในปี 2010
และอีก 103 พันล้านยูโรในปี 2011 จนถึงขณะนี้




เราไม่มีตัวเลขของสเปน และอิตาลี
แต่เชื่อว่ารัฐบาลของประเทศเหล่านี้ก็กำลังพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้เช่นกัน (บทความ Mr. Weigand ที่ผมโพสท์เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาแสดงว่าระบบธนาคารในอิตาลีเริ่มมีปัญหา)
หากอิตาลีมีปัญหาจะแก้ได้ลำบากกว่ามาก เพราะตัวเลขหนี้ของอิตาลี ขนาด 1.8 ล้านล้านยูโร มีปริมาณมากกว่าหนี้ของกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และ สเปน รวมกัน

ระบบธนาคารของ Italy และ Spain นั้นใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม (too big to fail)
ในขณะเดียวกันก็ ใหญ่เกินไปที่จะช่วยได้ (too big to bail-out)
ดังนั้นอนาคตของสหภาพยุโรป จึง ขึ้นอยู่กัับสภาพเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงของระบบธนาคารของ Italy และ Spain

ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศเหล่านี้คือต้นเหตุของปัญหาของระบบธนาคารในสหภาพยุโรป
เพราะธนาคารเหล่านี้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่่งเคยถูกพิจารณาว่าไม่มีความเสี่ยง ในปริมาณมาก
ในสถานการณ์ปกติ หากลูกค้าถอนเงินปริมาณมากๆ ธนาคารก็จะขายพันธบัตรที่ถืออยู่ เพื่อนำเงินมาให้แก่ลูกค้าที่ถอนเงินได้
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน พันธบัตรรัฐบาลของประเทศเหล่านี้มีมูลค่าลดลง ปริมาณคนซื้อก็น้อย ปัญหาเหล่านี้ซ้ำเติมทำให้สภาพคล่องธนาคารมีปัญหา
นอกจากนี้การขายพันธบัตรของธนาคารเหล่านี้ ก็ไปซ้ำเติมปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศนั้นๆ ให้เลวร้ายลงไปอีก

จากแบบสอบถามข้างบน ทำให้เชื่อได้ว่าประชาชนในประเทศในยุโรปปัจจุบันจำนวนมากขึ้นเืรื่อยๆ ได้ถอนเงินฝากออกจากระบบธนาคารในประเทศเสี่ยง / ออกจากยุโรป ไปลงทุนในภูมิภาคอื่น / สินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะทอง และ โลหะเงิน
เชื่อว่าการกระทำเช่นนี้จะดำเนินต่อไป และมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ผกผันกับสภาพปัญหาในระบบธนาคาร และ ปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศยุโรปที่จะเลวร้ายลง




และเป็นสาเหตุที่จะทำให้ราคาทอง และ โลหะเงิน มีราคาสูงขึ้นต่อไปอีกไกล....


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Butterfly Effect of US Debt Ceiling Drama

ปาหี่เจรจาเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ..เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว


การเจรจาเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะสหรัฐจบไปตามที่ตลาดคาดหวัง 

ละครน้ำเน่าจบไปท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนละครน้ำเน่า
แต่ท่ามกลางเสียงโห่ของผู้ต้องการชมละครน้ำดี 

นักแสดงหลายคนแสดงสมบทบาทอาจลุ้นออสการ์ปลายปี
ในขณะที่บางคนพลิกบทบาทจากพระเอก กลายเป็นนักแสดงจำอวด
ซึ่งก็ทำผลงานได้ไม่น่าผิดหวังเรียกเสียงฮา จากแฟนๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ

โพสต์รูปภาพ


ละครเรื่องนี้ ต้องนับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเรียก Rating จากคนดูทั่วโลก
ทำเอาเรตติ้งละครเรื่องอื่นๆ จากนานาประเทศทั่วโลกตกลงไป แทบไม่มีคนสนใจติดตามดู

แม้ละครจบไปแล้วตามบท ตามสคริปท์เป๊ะ ไม่มี Surprise
แต่ก็ยังเป็นที่กล่าวถึงของแฟนละคร จากทั่วทุกมุมโลก

คนในสหรัฐเองปรบมือกับฉากจบ ที่สุดท้ายพระเอกที่เพลี่ยงพล้ำมาตลอด ยอมกลืนเลือด กล้ำกลืนและเป็นผู้ได้รับชัยชนะในที่สุด
ตามสูตรสำเร็จของละครน้ำเน่า ที่เป็นที่นิยมของแฟนละครในประเทศนี้

ตรงข้ามกับแฟนละครในต่างประเทศ ที่ส่งเสียงโห่ฮาป่า ตะโกนออกมาว่า "ไอ้คนเถื่อน" "ไอ้พยาธิ" ไม่พอใจกับฉากจบที่สุดท้ายเป็นมวยล้มต้มคนดู
หลอกให้คนดูคาดหวังฉากจบที่น่าเร้าใจ สุดท้ายก็แค่หลอกให้คนดูติดตามเสียเงินซื้อตั๋วต่อ เพื่อรอดูภาค 2


ไม่ว่าละครเรื่องนี้ ฉากนี้จะน้ำเน่าเท่าใดก็ตาม ในความเห็นของผมได้ทิ้งประเด็นให้แฟนละครได้ขบคิดกัน

1. ทำให้คนทั่วโลก (ที่สำคัญคนสหรัฐเองนั่นแหละ) ที่ไม่เคยสนใจความเป็นไปของเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะเคยเชื่อฝังใจว่าเศรษฐกิจมั่นคงแข็งแกร่ง ไม่มีทางมีปัญหา
จากละครน้ำเน่าที่ผ่านไป คนได้ฟังคำโกหก ครั้งแล้วครั้งเล่าของนักการเมือง ได้ฟังพวกนักการเมืองสาวใส้ตัวเองให้กากิน สุดท้ายจึงตระหนักรู้ว่าสหรัฐเองไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตัวเองคิด

โพสต์รูปภาพ

หากเราถามคนทั่วไป ทั้งในสหรัฐและนอกสหรัฐ ว่าเขามั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐไหม คำตอบส่วนใหญ่ผมยังเชื่อว่าจะตอบว่า ใช่

 
แต่ถ้าเราเปลี่ยนคำถามเพียงซักเล็กน้อย ว่า ตอนนี้เขายังมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐเต็ม 100% ไหม ผมเชื่อว่าคำตอบจะกลายเป็น ไม่

การตระหนักรู้ในชั่วข้ามสัปดาห์ ของคนทั้งโลก ถึงความไม่มั่นคงของสหรัฐอเมริกา (และ US$) นี่เองที่จะนำผลกระทบกระเทือนต่อความเป็นไปของเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป

2. ช่างหัว สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้งหลายมันเถอะ เพราะคน (ทั่วไป) เขาเลิกสนใจ พวกมันแล้วว่าจะทำอะไร
ดูๆ ไปก็แทบไม่ต่างจาก MTV ที่แจกรางวัล MTV award ทั้งหลาย
ความน่าเชื่อถือสถาบันเหล่านี้ ถึงตอนนี้ตกต่ำกว่า สถาบัน oscar เสียแล้ว (ไม่ฮา)
สิ่งเหล่านี้ ทำให้คนตาสว่าง เลิกเชื่อในสิ่งที่ main stream media (สือกระแสหลัก) พยายามบอกเรา และเริ่มหาความจริงของตนมากขึ้น

ลุงจิม (ปรมาจารย์ด้านการลงทุนในทองคำ) เคยบอกว่า พวกเราโชคดีที่เป็นคน 1% ที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และ ถือทองกันไว้
การตื่น ตาสว่างของคนทั้งโลกนี้เองกำลัีงขยายตัวจากคน 1% มากขึ้นเรื่อยๆ เป็น 2..3...4......

ยิ่งคนตาสว่างมากขึ้น ทอง และ โลหะเงิน จะเป็นสินทรัพย์ที่คนเหล่านี้เสาะแสวงหาเพื่อถือครอง ปกป้องความมั่งคั่งของตัวเองมากขึ้น

ดวงดาวจะสะเทือนก็เพราะตรงนี้แหละครับ!!!