วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Butterfly Effect of US Debt Ceiling Drama

ปาหี่เจรจาเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ..เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว


การเจรจาเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะสหรัฐจบไปตามที่ตลาดคาดหวัง 

ละครน้ำเน่าจบไปท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนละครน้ำเน่า
แต่ท่ามกลางเสียงโห่ของผู้ต้องการชมละครน้ำดี 

นักแสดงหลายคนแสดงสมบทบาทอาจลุ้นออสการ์ปลายปี
ในขณะที่บางคนพลิกบทบาทจากพระเอก กลายเป็นนักแสดงจำอวด
ซึ่งก็ทำผลงานได้ไม่น่าผิดหวังเรียกเสียงฮา จากแฟนๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ

โพสต์รูปภาพ


ละครเรื่องนี้ ต้องนับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเรียก Rating จากคนดูทั่วโลก
ทำเอาเรตติ้งละครเรื่องอื่นๆ จากนานาประเทศทั่วโลกตกลงไป แทบไม่มีคนสนใจติดตามดู

แม้ละครจบไปแล้วตามบท ตามสคริปท์เป๊ะ ไม่มี Surprise
แต่ก็ยังเป็นที่กล่าวถึงของแฟนละคร จากทั่วทุกมุมโลก

คนในสหรัฐเองปรบมือกับฉากจบ ที่สุดท้ายพระเอกที่เพลี่ยงพล้ำมาตลอด ยอมกลืนเลือด กล้ำกลืนและเป็นผู้ได้รับชัยชนะในที่สุด
ตามสูตรสำเร็จของละครน้ำเน่า ที่เป็นที่นิยมของแฟนละครในประเทศนี้

ตรงข้ามกับแฟนละครในต่างประเทศ ที่ส่งเสียงโห่ฮาป่า ตะโกนออกมาว่า "ไอ้คนเถื่อน" "ไอ้พยาธิ" ไม่พอใจกับฉากจบที่สุดท้ายเป็นมวยล้มต้มคนดู
หลอกให้คนดูคาดหวังฉากจบที่น่าเร้าใจ สุดท้ายก็แค่หลอกให้คนดูติดตามเสียเงินซื้อตั๋วต่อ เพื่อรอดูภาค 2


ไม่ว่าละครเรื่องนี้ ฉากนี้จะน้ำเน่าเท่าใดก็ตาม ในความเห็นของผมได้ทิ้งประเด็นให้แฟนละครได้ขบคิดกัน

1. ทำให้คนทั่วโลก (ที่สำคัญคนสหรัฐเองนั่นแหละ) ที่ไม่เคยสนใจความเป็นไปของเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะเคยเชื่อฝังใจว่าเศรษฐกิจมั่นคงแข็งแกร่ง ไม่มีทางมีปัญหา
จากละครน้ำเน่าที่ผ่านไป คนได้ฟังคำโกหก ครั้งแล้วครั้งเล่าของนักการเมือง ได้ฟังพวกนักการเมืองสาวใส้ตัวเองให้กากิน สุดท้ายจึงตระหนักรู้ว่าสหรัฐเองไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตัวเองคิด

โพสต์รูปภาพ

หากเราถามคนทั่วไป ทั้งในสหรัฐและนอกสหรัฐ ว่าเขามั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐไหม คำตอบส่วนใหญ่ผมยังเชื่อว่าจะตอบว่า ใช่

 
แต่ถ้าเราเปลี่ยนคำถามเพียงซักเล็กน้อย ว่า ตอนนี้เขายังมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐเต็ม 100% ไหม ผมเชื่อว่าคำตอบจะกลายเป็น ไม่

การตระหนักรู้ในชั่วข้ามสัปดาห์ ของคนทั้งโลก ถึงความไม่มั่นคงของสหรัฐอเมริกา (และ US$) นี่เองที่จะนำผลกระทบกระเทือนต่อความเป็นไปของเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป

2. ช่างหัว สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้งหลายมันเถอะ เพราะคน (ทั่วไป) เขาเลิกสนใจ พวกมันแล้วว่าจะทำอะไร
ดูๆ ไปก็แทบไม่ต่างจาก MTV ที่แจกรางวัล MTV award ทั้งหลาย
ความน่าเชื่อถือสถาบันเหล่านี้ ถึงตอนนี้ตกต่ำกว่า สถาบัน oscar เสียแล้ว (ไม่ฮา)
สิ่งเหล่านี้ ทำให้คนตาสว่าง เลิกเชื่อในสิ่งที่ main stream media (สือกระแสหลัก) พยายามบอกเรา และเริ่มหาความจริงของตนมากขึ้น

ลุงจิม (ปรมาจารย์ด้านการลงทุนในทองคำ) เคยบอกว่า พวกเราโชคดีที่เป็นคน 1% ที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และ ถือทองกันไว้
การตื่น ตาสว่างของคนทั้งโลกนี้เองกำลัีงขยายตัวจากคน 1% มากขึ้นเรื่อยๆ เป็น 2..3...4......

ยิ่งคนตาสว่างมากขึ้น ทอง และ โลหะเงิน จะเป็นสินทรัพย์ที่คนเหล่านี้เสาะแสวงหาเพื่อถือครอง ปกป้องความมั่งคั่งของตัวเองมากขึ้น

ดวงดาวจะสะเทือนก็เพราะตรงนี้แหละครับ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น